เจาะประเด็น !! เลือกจานเบรคแบบไหน เหมาะกับรถคุณที่สุด ?
ในการขับรถระบบเบรคเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้ขับไม่ควรจะละเลยเป็นอย่างยิ่ง! เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เบรค คือสิ่งแรกที่คนขับต้องนึกถึง! ดังนั้นเราควรดูแลใส่ใจพวกมันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรค น้ำมันเบรค รวมไปถึงการเลือกใช้จานเบรกให้เหมาะสมกับรถของคุณ!!
หลังจากที่ DTS Auto Group เคยกล่าวถึงฝาครอบเบรค หรือ คาลิปเปอร์เบรคกันมาก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงตัว Disk Break หรือ จานเบรคที่เราเข้าใจกันนั้นว่าจะมีชนิดไหนบ้าง และแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร และการเลือกใช้งานแบบไหนถึงจะเหมาะกับรถของเรา(ที่สุด)
1⃣ จานเบรคแบบเรียบ (Smooth Brake Rotors) ?
จานเบรคแบบเรียบ คือจานเบรคที่พบเห็นได้ง่ายตามท้องถนน ก็เพราะว่ารถยนต์ส่วนใหญ่จะได้รับการติดตั้งจานเบรคแบบเรียบมาจากโรงงาน ลักษณะของจานเบรคจะมีพื้นผิวเรียบ และแน่นอนว่า ด้วยการที่ไม่ได้มีการเจาะหรือเซาะหน้าจาน ทำให้จานเบรคแบบเรียบ มีความแข็งแรงดีที่สุด
ด้วยความที่มันเป็นจานเบรคที่ค่อนข้างอึด ถึก และทน.. แต่ทว่ามันไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่ากับจานเบรคแบบเจาะรู และจานเบรคแบบเซาะร่องเลย นั่นทำให้จานเบรคแบบเรียบ มีอุณหภูมิที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ และข้อเสียอีกหนึ่งประการของจานเบรคประเภทนี้ก็คือว่า มันไม่สามารถระบายฝุ่นผงจากผ้าเบรคได้
เมื่อใช้จานเบรคไปนานๆ เข้าอาจจะรู้สึกว่า ต้องกดเบรคให้มากขึ้นเพื่อให้รถหยุด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าฝุ่นผงที่เกิดจากผ้าเบรคนั้น ไม่ได้ถูกระบายออกจากจานเบรค ซึ่งฝุ่นเหล่านี้จะจับตัวกันเป็นชั้นฟิล์ม ที่ผิวของผ้าเบรค และจานเบรค อย่างไรก็ตามเราสามารถลดปริมาณฝุ่นผงของผ้าเบรคได้ แต่หลายคนมักจะใช้วิธีแก้ไขโดยการเปลี่ยนไปใช้ผ้าเบรคคุณภาพสูงแทน
ด้วยความที่เป็นจานเบรคแบบผิวเรียบ ทำให้จานเบรคประเภทนี้ มันไม่สู้น้ำดีนัก ซึ่งการขับขี่บนถนนเปียกๆ นั้น ละอองน้ำเม็ดเล็กๆ จะมาเกาะอยู่บนผิวของจานเบรค ซึ่งจะเกิดเป็นชั้นบางๆ กั้นระหว่างจานเบรคกับผ้าเบรค ส่งผลให้สมรรถนะการเบรคลดลงอย่างมาก(มันก็จะลื่นๆหน่อย) ซึ่งการขับขี่รถในถนนเปียกนั้น หากคุณใช้จานเบรคแบบเรียบ ก็ควรวอร์มเบรคบ่อยๆ จะดี !!
2⃣ จานเบรคแบบเจาะรู (Drilled Brake Rotors) ?
จานเบรคแบบเจาะรู ลักษณะของพื้นผิวจานเบรคจะเป็นรู ซึ่งหลายคนคงไม่รู้ว่า…รูเหล่านี้ มีไว้ให้ไอร้อนที่เกิดจากการเสียดสีของผ้าเบรคไหลออกไปได้อย่างสะดวก ซึ่งจะช่วยระบายความร้อนให้กับจานเบรค และช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการเบรคไม่อยู่ หรือที่เรียกว่าเบรค-เฟด (Brake Fade) หมายถึงสถานการณ์ที่ผ้าเบรคมันร้อนเกินไป ทำให้ผ้าเบรค และจานเบรคไม่สามารถจับกันได้
นอกจากนั้นแล้ว รูเหล่านี้ยังมีหน้าที่ระบายฝุ่นผงจากผ้าเบรค ซึ่งฝุ่นผงเหล่านี้ เกิดจากการเสียดสีกันระหว่างผ้าเบรค และจานเบรค ถ้าหากไม่ระบายออกมันจะก่อตัวเป็นชั้นฟิล์มที่ผิวของผ้าเบรค และจานเบรค ส่งผลให้ประสิทธิภาพของเบรคลดลงอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว การระบายฝุ่นออกจากหน้าจานจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสามารถของจานเบรคแบบเจาะรู
แต่จานแบรคแบบเจาะรูก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกันคือ อาจจะเกิดการแตกร้าวเนื่องจากความต่างของอุณหภูมิระหว่าง บริเวณที่เจาะรู (เย็นกว่า) และบริเวณที่ไม่ได้เจาะรู (ร้อนกว่า) ซึ่งความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิร้อน-เย็น เป็นตัวการที่ทำให้จานเบรคเกิดการเสียรูป และเกิดรอยร้าวในที่สุด
3⃣ จานเบรคแบบเซาะร่อง (Slotted Brake Rotors) ?
จานเบรคประเภทนี้มีลักษณะ เซาะร่อง/กัดร่อง ตามแนวหมุนของจานเบรค โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันกับจานเบรคแบบเจาะรู นั่นก็เพื่อที่จะระบายความร้อน รวมไปถึงลำเลียงเอาฝุ่นผงที่เกิดจากผ้าเบรค ให้ออกไปจากจานเบรคนั่นเองค่ะ นอกจากนั้นแล้วจานเบรคแบบเซาะร่องจะมีข้อได้เปรียบเหนือกว่าตรงที่ว่า จะมีพื้นที่สัมผัสมากกว่าแบบเจาะรู จึงทำให้สามารถสร้างแรงเสียดทานได้มากกว่า
อีกทั้งจานเบรคแบบเซาะร่องยังมีความแข็งแรงมากกว่าจานเบรคแบบเจาะรู จึงเหมาะสำหรับพวกรถแข่งรถสมรรถนะสูงๆ ที่จะต้องใช้เบรคอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งการแข่งขัน นอกจากนั้นแล้ว ร่องที่ถูกเซาะไว้ จะทำให้กัดกับผ้าเบรคได้ดีขึ้น แต่ต้องแลกมากับการสึกหรอของของผ้าเบรคที่มากกว่าเดิมด้วย หรือจะพูดเป็นภาษาบ้านๆ ก็คือ เบรคได้ดี แต่ผ้าเบรคก็จะหมดเร็วขึ้น นั่นเอง
4⃣ จานเบรคแบบผสม (Drilled/Slotted Brake Rotors) ?
จานเบรคแบบผสมเป็นการรวมทั้งข้อดี และข้อเสีย ของจานเบรคเจารู และเซาะร่องไว้ด้วยกัน จานเบรคลูกผสมนี้ จะค่อนข้างสะอาด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สามารถระบายฝุ่นผงจากผ้าเบรคได้อย่างรวดเร็ว เมื่อจานสะอาดก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรค สามารถเบรครถได้อย่างเสถียรมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ดีสำหรับการใช้งานเบรคหนักๆ อย่างเช่นการแข่งขันประเภทเซอร์กิต ก็จะมีโอกาสที่จะทำให้การแตกร้าวบริเวณที่มีการเจาะรูได้ เพราะฉะนั้นแล้ว จานเบรคประเภทนี้ จึงไม่ได้รับความนิยมในวงการรถแข่งเท่าไหร่นัก แต่มันเหมาะกับรถแต่งที่รับการโมดิฟายมาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถนะการเบรคได้นั่นเอง!
┏━━━━━┓
? -บทสรุป- ?
┗━━━━━┛
หลังจากที่เรารู้เกี่ยวกับจานเบรคทั้ง 4 แบบแล้วนั้น หลายคนคงจะเลือกจานเบรคได้แล้วในใจ ที่เหมาะกับรถของตัวเองตามลักษณะของการใช้งาน สำหรับรถยนต์ทั่วไปสามารถเปลี่ยนมาติดตั้งได้ทั้งจานแบบเจาะรู และแบบเซาะร่องก็สามารถทำได้
หากเปลี่ยนแล้วจะได้ประโยชน์แบบเต็มๆ ในส่วนของการระบายความร้อนได้ดีขึ้น และการลำเลียงฝุ่นออกจากจานเบรค ทำให้หน้าจานสะอาดขึ้น เบรครถของคุณจะได้เสถียรมากขึ้น และที่สำคัญก็คือ… มันเท่ห์ และช่วยให้รถของคุณดูหล่อขึ้นอีกด้วยค่ะ ^^